สิงห์สาริกางาแกะสองขวัญ หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก(ตัวที่3) ขนาด1.6 ซม.สวยๆงามๆ+บัตรรับประกัน
รายละเอียด
ขายแล้ว
ถ้ารังแกข่มเหงเขา สิงห์ของพ่อไม่ช่วยนะ" อมตะวาจาหลวงพ่อหอม วัดซากหมาก คราวมอบสิงห์งาแกะให้แก่ศิษย์
หลวงพ่อหอมวัดชากหมาก ท่านก็ถือเป็นเลิศด้านสิงห์ไม่เป็นรองใครในยุคนั้น ร่ำลือกันว่าหลวงพ่อหอมท่านเสกสิงห์จนกระโดดโลดเต้นเมื่อท่านยังอยู่ ในสมัยนั้นใครไปขอบูชาสิงห์จากท่าน หากท่านเมตตาท่านจะเอาสิงห์สองตัวมาหันหน้าเข้าหากัน ตั้งไว้ห่างกันสักศอก แล้วท่านจึงเสกจนสิงห์กระโดดเข้าหากันเป็นใช้ได้ หลวงพ่อหอมท่านได้ร่ำเรียนวิชาการสร้างและเสกสิงห์มาจากไหนนั้นท่านไม่เคยได้บอกใคร แต่ประสบการณ์สิงห์งาแกะของท่านนั้นหายห่วงครับ ไม่ยิ่งหย่อนกว่าใคร มีอยู่ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่าวัยรุ่นย่านบางรักกรุงเทพฯ ยกพวกต่อยตีกันเป็นมวยหมู่ มีการบาดเจ็บกันเป็นระนาว แต่ก็มีอยู่หลายคนที่ไม่เป็นอะไรเลยทั้งๆ ที่ได้เข้าไปประจัญบานกับเขาด้วยอย่างเมามัน ซึ่งภายหลังปรากฏว่าพวกที่ไม่ได้รับบาดเจ็บนั้นล้วนแต่มี ”สิงห์งาช้าง” ของหลวงพ่อติดตัวอยู่ทั้งนั้น สอบถามได้ความว่าเคยร่วมคณะกฐินจากกรุงเทพฯ ซึ่งไปทอดที่วัดซากหมากฯ แล้วเช่า“สิงห์งาช้าง”ของหลวงพ่อไปไว้ติดตัวกันคนละตัว ซึ่งครั้งแรกก็ยังไม่ได้คิดว่าศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้ จนได้ประสบเหตุเข้ากับตัวเองจึงเชื่อและพาพรรคพวกเพื่อนฝูงเดินทางไปขอเช่าที่วัดกันอีกหลายคนด้วยกัน แต่หลวงพ่อก็เตือนว่า ”ถ้ารังแกข่มเหงเขา สิงห์ของพ่อไม่ช่วยนะ” เมื่อนายสงั่น ไตร่ตรอง ได้เป็นกำนันตำบลสำนักท้อนใหม่ๆ เคยขับรถยนต์ไปธุระที่สมุทรปราการพร้อมกับลูกบ้านอีก ๘ คนแต่พอรถไปถึงโค้งบางปิ้งซึ่งได้ชื่อว่าเป็นโค้งผีสิง จะด้วยเหตุอันใดก็ไม่อาจทราบได้รถเกิดเสียหลักพลิกคว่ำไปหลายตลบ เผอิญมีตำรวจอยู่ใกล้ๆ กับบริเวณนั้นเห็นเหตุการณ์เข้าคิดว่าจะต้องมีคนในรถได้รับบาดเจ็บหรืออาจถึงตายแน่ๆ จึงรีบวิ่งเข้าไปเพื่อจะช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลโดยรีบด่วน แต่เมื่อเข้าไปถึงก็ต้องประหลาดใจอย่างมาก เพระไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดที่อยู่ในรถคันนั้นได้รับบาดเจ็บกันเลย ซึ่งต่อมาเมื่อมีการสอบถามกันขึ้นด้วยความสงสัย จึงทราบว่าทุกคนที่ไปกันในรถคันนั้นต่างก็มี “สิงห์งาช้าง” ของหลวงพ่อหอมติดตัวกันทั้งนั้น เครดิตข้อมูล : ส่วนหนึ่งจาก จากหนังสืออนุสรณ์ งานพระราชทานเพลิงศพ พระครูภาวนานุโยค (หอม จนฺทโชโต) ขอกราบขอบพระคุณ มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
สิงห์นั้นหากจะว่าไปแล้วเขาก็จะมีลักษณะเฉพาะของเขาสิงห์นั้นเป็นสัตว์ในตำนานและเป้นที่สุดแห่งมหาอำนาจในตำราโบราณของไทยเรา ลักษณะของสิงห์นั้น จะประกอบไปด้วย
1.ต้องอ้าปากเห็นฟันถือเป็นบรรลือสีหนาท เป็นตวาดฟ้าป่าหิมพาต์เป็นสกดและเป็นมหาอำนาจแผ่ก้องกังวานไกล
2.ลิ้นต้องยาวกวัดแกว่งเอาทรัพย์สมบัติเอาโชคลาภเงินทองเข้ามาสู่ ฉะนั้นการแกะต้องให้เห็นลิ้นที่ปากและปากก้ต้องอ้าเพื่อรับโชครับทรัพย์
3.ท้องของสิงห์ต้องมีลักษณะใหญ่หรือมีลักษณะที่กลมเพื่อให้มีการเก็บรักษาทรัพได้มากมาย และที่ลำตัวนั้นให้มีขวัญเป็นวงกลมให้หมายถึง วัฏฏะที่แปลว่าไม่มีที่สิ้นสุด ในชาวจีนถือเช่นนี้เหมือนกันชาวจีนให้หมายว่าเป็นโชคลาภที่เข้ามาไม่มีสิ้นสุด ถือเป็น infinity จริงๆแล้วการที่วงกลมอยู่คู่กันนั้นทั่วโลกถือเป็นมงคลเป็นความไม่มีที่สิ้นสุด และเมื่อนำมาเป็นสัญลักษณ์ที่ท้องของสิงห์ก็ให้หมายว่าเป็นการเก็บทรัพได้ไม่ม่ประมาณ
4.หางที่ยาวมีไว้เพื่อช่วยในการกวาดโชคลาภเงินทองความมั่งคลั่งและหางที่ยาวยังให้หมายถึงการขจัดอุปสรรค์ทั้งปวงเป็นการตวัดออเพื่อขับไล่อุปสรรค์ทั้งปวงและเมื่อกวาดเข้าให้เป็นการกวาดโชคกวาดลาภเข้ามา
5.สิงห์ต้องไม่มีรูทวารเพื่อการเก็บที่มิดชิดไม่มีรั่วไหลคนจีนถือเป็นเรื่องของเงินทองไม่รั่วไหล
6.การยืนของสิงห์ต้องตะหง่าน และให้มีลักษณะที่สง่างมาหมายเป็นมหาอำนาจและการอยู่เหนือสัตว์ทั้งมวลในสามโลก สิงห์นั้นเป็นเครื่องหมายแห่งมหาอำนากมาช้านานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุทธยาเป็นราชธานี ตำราการสร้างและเสกนั้นก็มีมานาน แม้แต่ที่สุดแห่งเจ้าทัพ คือ กรมพระราชวังบวร สุรสีหนาท มหาอุปราชวังหน้าองค์แรกแห่งแผ่นดินรัตนโกสินท์ท่านยังใช้ตราราชสีห์เป็นตราสัญลักษณ์แทนพระองค์ท่าน
พุทธคุณสิงห์งาแกะ เด่นด้านมหาอำนาจ ปกป้องคุ้มครอง เมตตา โชคลาภ
8134 ครั้ง
ศิลป์ส่องพระ by chettsongpra
081-6865899
chettsongpra