ลูกอมหรือลูกแก้วมณีนพรัตน์เนื้อผงผสมปูน หลวงปู่ดู่ วัดสะแก สภาพสวย เลี่ยมกันน้ำมาพร้อมบูชาครับ

รูปพระเครื่อง
รูปพระเครื่อง

รายละเอียด

ลูกอมหรือลูกแก้วมณีนพรัตน์เนื้อผงผสมปูน หลวงปู่ดู่ วัดสะแก สภาพสวย เลี่ยมกันน้ำมาพร้อมบูชาครับ
 โทรถาม : 0858126659
..:: อธิบายเพิ่มเติม ::..

ลูกอมหรือลูกแก้วสารพัดนึก หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ลูกแก้วสารพัดนึก หรือแก้วมณีนพรัตน์ ของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก หลวงปู่ท่านให้นำพุทธคุณต่าง ๆ หลายชนิด มาผสมกับปูนซีเมนต์ขาวและปั้นเป็นลูกกลม ๆ ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง ผงที่หลวงปู่ให้มานั้นท่านบอกว่าเป็นผงมหาราช ผงตรีนิสิงห์เห ผงปัตถมัง ผงกรรมฐาน ผงมหาจักรพรรดิ และผงศักดิ์สิทธิ์อีกหลายชนิด ลูกศิษย์ที่อยู่ใกล้ชิดท่านเรียนถามหลวงปู่ว่า ทำไมหลวงปู่ใช้ผงมากขนาดนี้ครับ ท่านบอกว่า ถ้าทำเป็นพระก็ไม่ต้องใช้ผงมาก เพราะคนจะเห็นคุณค่าของพระอยู่ในตัว แต่นี้ข้าให้ไปทำเป็นลูกกลม ๆ คนอื่นเขาจะไม่รู้ค่าจึงจำเป็นต้องทำให้มีพุทธคุณมาก ๆ ไว้เรียกว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดเลยแหละแก หลวงปู่ท่านว่า ข้าอธิษฐานเป็นแก้วมหาจักรพรรดิ เรียกว่า แก้วมณีนพรัตน์ เป็นสมบัติของพระพุทธเจ้า แม้ผู้ใดนำไปใช้ก็จะเกิดประโยชน์ใหญ่มีพุทธานุภาพมาก แล้วแต่จะอธิษฐานเอา สมัยก่อนข้าเคยทำไว้เป็นดินเผาก็มีเป็นผงก็มี กลมบ้าง เป็นแท่งยาว แท่งสั้นหลายขนาด เจาะรูไว้ ตรงกลางเพื่อให้อากาศธาตุเข้าเรียกวา โปร่งฟ้า ที่ไม่เจาะรูก็มี หนักไปทางแคล้วคลาดมหาอำนาจ สมัยก่อนห่ากินคนตายไปกันมาก ข้าจะทำเอาไว้แขวนคอควายแจกชาวบ้านให้ติดตัวกันแต่ห่าก็มาไม่ถึง จึงไม่ได้แจกแต่ไม่รู้ว่าหายไปไหนหมดแล้ว ลูกศิษย์จึงถามท่านว่า แก้วมณีนพรัตน์ป้องกันโรคร้าย ๆ ได้ด้วยหรือครับหลวงปู่ และถ้าคนที่เขาเป็นโรคร้ายที่รักษาไม่หายจะช่วยได้ไหมครับ หลวงปู่ท่านเมตตาตอบว่า ให้นำแก้วมณีนพรัตน์ไปแขวนคอไว้ แล้วภาวนาไตรสรณคมณ์ ตลอดเวลาหรือภาวนามาก ๆ ถ้ากรรมไม่หนักพุทธานุภาพของไตรสรณคมณ์ก็จะช่วยได้อยู่ที่ว่าตั้งใจภาวนามากน้อยเพียงไรนับถือและศรัทธาจริงภาวนาไปจะมีเหตุมาทำให้หายจากโรคร้าย แต่ถ้าหมดอายุ ก็ยิ่งสำคัญมาก เพราะเวลาที่คนจะตายด้วยโรคร้ายจะทุกข์ทรมานมาก จนจิตไม่สามารถ ระลึกถึงความสุขหรือที่เขาเรียกว่ากรรมดี เพราะความดีหรือบุญก็จะทำให้ได้ไปจุติเป็นเทพเป็นพรหม หรือเป็นเทวดาตามชั้นต่าง ๆ ตามแต่บุญกุศลของตนที่เคยได้ทำไว้ แต่ถ้าจิตตกเพราะเจ็บปวดทรมาน และไม่เคยฝึกสมาธิหรือกรรมฐานจิตก็จะหาที่ยึดเหนี่ยวไม่ได้ ตอนนั้นกรรมชั่วที่เคยทำไว้จะเข้าแทรก ถ้าตายตอนจิตตกทุคติเป็นที่ไปคือต้องไปเป็นเปรตอสุรกาย หรือสัตว์เดรัจฉานและถ้ากรรมชั่วมากก็ต้องไปใช้กรรมยังเมืองนรก หลวงปู่ท่านว่าจะให้ดีระหว่างเจ็บป่วยหรือโรคร้ายต่าง ๆ ให้กำแก้วมณีนพรัตน์ไว้และภาวนาให้มากๆ ถ้าแกภาวนาไปเรื่อยจิตก็จะเข้าถึงไตรสรณคมณ์ กรรมหนักก็จะเบา กรรรมเบาก็จะหาย ทำมาก ๆ ผลของ ไตรสรณคมณ์ ที่เป็นบุญใหญ่นี้ก็อาจต่ออายุให้อยู่ได้ทำบุญไปอีกนาน ถ้าหมดอายุจิตที่เคยฝึกภาวนาไตรสรณคมณ์ก็จะมีแสงสว่างซึ่งเป็นบุญใหญ่ทำให้จิตระลึกถึงกรรมดีที่ตนเคยสร้างไว้ ถ้าตายตอนนั้น ก็จะได้ไปจุติเป็นเทพ พรหม หรือเทวดา ตามแต่บุญของตนที่ได้ทำไว้ แก้วมณีนพรัตน์สามารถตัดกรรมได้ โดยการภาวนาไตรสรณคมณ์ กรรมชั่วที่ผู้ใดได้กระทำไว้แล้ว มิอาจตัดกรรมหรือทำให้หายไปได้ แต่จะให้ผลเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่ที่เหตุปัจจัย กรรมชั่วเหมือนกับความมืด กรรมดีเป็นแสงสว่าง หลวงปู่ท่านว่า ถ้าใครทำจิตให้เป็นสมาธิและภาวนาไตรสรณคมณ์ ก็จะสว่างไปทั้งสามโลก การภาวนานี้เป็นบุญใหญ่ กรรมชั่วที่เคยทำไว้มิอาจเข้าแทรกได้ กรรมดีที่เคยทำไว้แต่ปางก่อน ก็จะมาส่งผล บวกกับบุญใหญ่ที่เกิดจากการภาวนาไตรสรณคมณ์ รวมกันก็จะเป็นมหากุศล ถ้าตายในช่วงนั้นก็จะได้ไปจุติ บนวิมานตามชั้นต่าง ๆ ได้เสวยความสุข เป็นเวลานานเรียกว่ากรรมชั่วเป็นหมัน ยังไม่มีโอกาสที่จะมาส่งผล คนส่วนมาก จึงคิดว่าเป็นการตัดกรรม แต่ที่จริงกรรมชั่วยังอยู่ รอโอกาสที่จะสนอง หลวงปู่ท่านว่า ใครจะใหญ่เกินกรรม แต่ที่ได้เสวยความสุขก่อนก็เพราะด้วยอำนาจของกรรมดี มีมากกว่ากรรมชั่วท่านบอกว่า ถ้าใครมาบอกจะทำพิธีตัดกรรมได้ อย่าไปเชื่อแกจะโดนเขาหลอก ประสบการณ์ แก้วมณีนพรัตน์ หรือแก้วสารพัดนึก ผมเป็นคนจังหวัดสิงห์บุรี ครอบครัวค่อนข้างยากจน มีโอกาสเรียนแค่ประถม ๖ ก็ต้องออกจากโรงเรียน โดยเหตุผลว่าเรียนต่อ ม.๑ ค่าเทอมและค่าเสื้อผ้ารวมกันแล้วเกือบพันบาท ผมยังจำได้ ดีตอนนั้นแม่ผมกอดผมไว้ และบอกว่า "ลูก เรามันจนอย่าเรียนต่อเลยนะลูก" ผมได้ยินแม่พูดถึง กับน้ำตาร่วงอย่างไม่รู้ตัวเพราะสงสารแม่มาก เมื่อวานผมเห็นแม่ไปขอเชื่อข้าวสารร้านข้างบ้านมา ๑ กิโล ตอนนั้นผมบอกกับตัวเองว่า จะไปหางานทำเพื่อหาเงินมาให้แม่ ไม่อยากเห็นแม่ลำบากแบบนี้ ผมออกจากโรงเรียนและไปเป็นลูกจ้างล้างจานที่ร้านข้าวแกงมีหน้าที่ยกข้าวแกงไปให้ลูกค้า พอว่างก็ต้องไปล้างจาน ค่าตัววันละยี่สิบบาท ผมทำอยู่นานเจ้าของร้านแกเป็นคนใจบุญ บอกว่าผมขยันและอดทนดี จึงขึ้นเงินให้เป็นวันละห้าสิบบาท ตามปกติเจ้าของร้านที่ผมอยู่ ถ้าวันไหนหยุดแกก็จะไปทำบุญตามวัดต่าง ๆ อยู่เสมอ มีอยู่วันหนึ่งขายดีมากอย่างไม่เคยมีมาก่อนเพียงครึ่งวันก็ขายหมด พอเก็บร้านเสร็จ เจ้าของร้านก็บอกว่า วันนี้ขายดีเลิกเร็วไม่รู้จะไปไหน ไปกราบหลวงพ่อดู่ที่วัดสะแกดีกว่า แกเลยชวนผมไปด้วย ผมว่างไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน ก็เลยไปกับเขาด้วย ไปถึงวัดสะแกประมาณสามโมงเย็น มีลูกศิษย์ของหลวงพ่อดู่ นั่งอยู่กับท่านสองคน เจ้าของร้านเข้าไปถึงก็ก้มลงกราบหลวงพ่อ ผมก็กราบตาม เจ้าของร้านพูดทักทายลูกศิษย์ที่อยู่ก่อนแล้วอย่างคุ้นเคยแสดงว่ารู้จักกันมานานแล้ว หลวงพ่อท่านท่าทางเมตตามากท่านยิ้มอย่างอารมณ์ดี และส่งถ้วยที่มีน้ำชาให้ผมและเจ้าของร้าน ท่านมองผมด้วยความเมตตา ผมขนลุกขึ้นไปถึงหัวไม่รู้เพราะอะไร ท่านบอกผมว่า "กินซะน้ำมนต์" ผมก็ยกขึ้นดื่มจนหมดถ้วย พอกินหมดวางถ้วยลงกับพื้น ผมรู้สึกสว่างไปทั่ว ตัวเบา ตาดูมองอะไรก็สว่างใสไปหมด ทั้งหูก็ได้ยินชัดเจนขึ้นมากกว่าที่เคยเป็นมา จึงนึกไปว่าเราไม่เคยกินน้ำชาบ่อยนักพอมากินเข้าร่างกายถึงสดชื่น เจ้าของร้านคุยกับหลวงพ่อดู่นานมาก จนเย็น วันนั้นเขาเช่าพระองค์ละหนึ่งร้อยบ้างสิบบาทยี่สิบบาทก็หลายองค์แหวนวงละสามร้อยบาทถึงห้าองค์ หลวงพ่อดู่บอกเขาว่าเอาเงินไปใส่ตู้ทำบุญไว้ ไม่ต้องเอาให้ท่าน วันนั้นผมไม่ได้พูดกับหลวงพ่อเลยสักคำ เจ้าของร้านเห็นว่าเย็นมากแล้วจึงลาหลวงพ่อกลับ เขากราบท่านผมจึงกราบตามแล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินไปที่รถ ผมก็ลุกขึ้นจะเดินตาม เสียงหลวงพ่อพูดว่า "เดี๋ยวก่อนมานี่" ผมหันไปตามเสียง เห็นท่านยิ้มอย่างเมตตา จึงเข้าไปหาท่านใกล้ ๆ ท่านหยิบลูกกลม ๆ เล็ก ๆ สีขาวอมเหลืองให้ผมหนึ่งเม็ด และท่านก็พูดว่า "เก็บติดตัวไว้ให้ดีในนั้นมีพระอยู่ อีกหน่อยจะทำให้แกรอดตายแล้วแกจะรวยเป็นเศรษฐี" ผมมองดูเม็ดกลม ๆ เล็ก ๆ ที่ท่านให้ก็ไม่เห็นมีพระอะไร อย่างที่ท่านบอกเลยสักองค์ท่านคงเห็นผมทำท่าแปลกใจ เลยพูดว่า "แกไปได้แล้ว" ผมรีบกราบท่านอีกครั้งแล้วรีบวิ่งไปที่รถเพราะกลัวเจ้าของร้านจะรอนาน ผมขึ้นรถเจ้าของร้านก็ถามว่า "หลวงพ่อท่านเรียกทำไม" ผมบอกเขาว่า "ท่านให้เม็ดกลม ๆ ผมครับ" เจ้าของร้านหันมามองดูสิ่งที่อยู่ในมือของผมแล้วพูดเฮ้ยนี่ของดีหายาก "พี่มาหาหลวงพ่อหลายครั้งแล้วยังไม่เคยได้เลย เก็บไว้ให้ดีนะโว้ย" ผมรับคำว่า "ครับพี่" หลังจากนั้นนานสักสิบกว่าวัน เจ้าของร้านก็ไปหาหลวงพ่อดู่อีก แต่ผมไม่ได้ไปกับเขาด้วย พอเขากลับมาวันรุ่งขึ้นก็บอกผมว่าหลวงพ่อท่านฝากของดีมาให้ผม แกส่งกระดาษให้ผมใบหนึ่ง พอผมเปิดดูในนั้นมีหนังสือเขียนว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ให้ภาวนามาก ๆ ผมนึกกราบท่านในใจผมเป็นเด็กจน ๆ คนหนี่ง คิดว่าท่านคงลืมผมไปนานแล้ว แต่นี่ท่านยังเมตตาจำผมได้ และเมตตาให้คำภาวนามาด้วย ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยไปกราบพระที่ไหน พอมาเจอแบบนี้ทำให้ผมเกิดความศรัทธา หลวงพ่อดู่เป็นอย่างมาก ด้วยความศรัทธาท่านผมจึงภาวนา ไตรสรณคมณ์เรื่อยมา ผมไปไหนต้องมีลูกกลม ๆ ที่หลวงพ่อท่านให้ติดตัวอยู่ตลอดเวลา ระยะหลังแม่ของผมเริ่มเจ็บป่วยอยู่บ่อยครั้งไปทำงานไม่ไหว ผมจึงขอเจ้าของร้านหยุดงานเพื่อพาแม่ไปหาหมอ ผลออกมาว่าแม่ของผมเป็นเบาหวานความดัน ไขมันในเส้นเลือด และอย่างอื่นด้วย ยาแต่ละอย่างแพงมาก ผมไม่มีเงินซื้อยาดีๆ ทางโรงพยาบาลจึงให้ตัวที่ถูก ๆ คือยาที่ไม่มีมาตรฐาน ผมเสียใจที่ตนเองไม่มีปัญญารักษาแม่ คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าทำยังไงถึงจะมีเงินซื้อยาดี ๆ ให้แม่ ก่อนออกจากบ้านเช้ามืดของทุกวันผมจะยกลูกกลม ๆ ที่แขวนอยู่ในคอขึ้นมาพนมและภาวนาไตรสรณคมณ์ทุกวัน เช้านี้ไม่เหมือนกับทุกเช้า พอผมภาวนาไตรสรณคมณ์จบก็อธิษฐานว่า "หลวงพ่อดู่ครับ ผมขอเงินมาซื้อยารักษาแม่ด้วยเทอญ สาธุ" และก็ออกไปทำงานตามปกติ ตอนสาย ๆ ของวันนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งที่ผมพอจำได้ว่านาน ๆ หลาย ๆ เดือนจะมากินข้าวแกงสักครั้ง ก็มานั่งกินอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เพราะผมไม่ทันสังเกตุ ผมจึงตักน้ำแข็งใส่แก้วและเดินไปให้เขาตามปกติเหมือนทุกครั้ง พอเขาเห็นผมก็พูดว่า "มาทีไรเจอทุกครั้งเลยขยันจังนะ" ผมยิ้มรับในคำทักทายของเขา แล้วพูดว่า "ถ้าไม่มาทำงานเดี๋ยวไม่มีข้าวกินครับ" เขาก็พูดว่า "เออพูดตรงดี พี่ชอบว่ะ แบบนี้ไปทำงานกับพี่ไหม" ผมถามเขาว่า "งานอะไรครับ" เขาบอกว่า "งานอยู่เรือดูดแร่ เงินดีนะน้อง" ผมถามต่อว่า "ดีของพี่ได้เดือนละเท่าไหร่ครับ" เขาตอบทันทีว่า "เป็นหมื่น" พอได้ยินคำว่าเป็นหมื่น ผมถึงกับตาโตเลยทีเดียว ผมเริ่มสนใจมาก ถามต่อว่า "ไปทำที่ไหนพี่" ชายผู้นั้นบอกว่า "จังหวัดภูเก็ต" ผมทวนคำพูดว่าภูเก็ต และนึกว่าแม่กำลังไม่สบายจะทิ้งแม่ไปได้อย่างไร แต่ถ้าได้ไปก็จะมีเงินมาซื้อยาดี ๆ รักษาแม่ ชายผู้นั้นคงเห็นผมยืนคิดอยู่นาน ชายผู้นั้นจึงพูดขึ้นว่า "อาทิตย์หน้าพี่ถึงจะไปภูเก็ตอีกสองสามวันจะมากินข้าวใหม่ น้องลองกลับไปคิดดูแล้วค่อยบอกพี่" แล้วเขาก็เดินออกจากร้านไป ผมมองดูชายคนนั้นเดินจากไปจนลับสายตาเย็นนั้นผมกลับถึงบ้านก็นึกถึงแต่เรื่องอยากไปทำงานที่ภูเก็ต คืนนั้นผมนอนไม่หลับทั้งคืน วันต่อมาผมกำลังเอายาให้แม่กิน แม่คงสังเกตเห็นผมผิดปกติเลยถามว่า "ไปมีเรื่องอะไรกับเขาหรือเปล่า เป็นอะไรแปลก ๆ ไป" ผมจึงเล่าให้แม่ฟังทั้งหมด แม่ก็พูดว่า "เรื่องแค่นี้เอง ลูกอยากไปไหมล่ะ ไม่ต้องห่วงแม่หรอกแม่อยู่ได้" ผมบอกแม่ว่า "อยากรักษาแม่ให้หาย ถ้าผมมีเงินก็จะได้ไปซื้อยาทีดี ๆ มาให้แม่กินครับ" แม่บอกว่า "ตามใจแกถ้าอยากไปทำงานแม่ก็ตามใจ" แม่กอดผมและพูดขึ้นว่า "แม่รักลูกนะ" ผมน้ำตาไหลและกอดแม่แน่นบอกว่า "ผมก็รักแม่ครับ" และเราสองคนก็ร้องไห้วันรุ่งขึ้นผมไปทำงานตามแบบทุกวัน พอตอนเย็นเลิกร้านแล้ว ผมก็เข้าไปหาเจ้าของร้านบอกว่าผมขอลาออก เขาท่าทางตกใจ พูดว่า "อยู่กันมาตั้งนานไม่สบายใจมีอะไรบอกพี่ได้นะ" ผมจึงเล่าเรื่องแม่ไม่สบายผมอยากได้เงินไปรักษาแม่ ให้เจ้าของร้านฟังจนหมด เขาพูดเสียงดังว่า "ให้มันได้อย่างนี้ เองทำถูกแล้วละ จะไปเมื่อไหร่" ผมตอบว่า "อีกสองสามวันครับ" เขาเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงควักเงินออกมานับ น่าจะเป็นสองถึงสามหมื่นแล้วส่งให้ผม บอกว่า "เอาไป พี่ให้" ผมงงบอกกับเจ้าของร้านว่า "ผมไม่รบกวนยืมเงินพี่หรอกครับ ถ้าเอาไปคงไม่มีปัญญามีเงินมาใช้คืนพี่" "เอ็งกับพี่นับถือหลวงพ่อองค์เดียวกัน เท่ากับเราเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกันเหมือนพี่เหมือนน้อง ต้องช่วยเหลือกันถึงจะถูก เงินนี้พี่ไม่ได้ให้ยืมแต่พี่ช่วยโดยไม่ต้องเอามาคืน" ผมเกรงใจเจ้าของร้านมากเขาเป็นคนใจบุญ มีเมตตาและยังมีน้ำใจต่อผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากอีก ผมก้มลงกราบเขาเพราะไม่มีอะไรจะตอบแทนความดีของเขา และนึกในใจว่าขอให้พี่จงเจริญ ๆ วันต่อมาชายผู้นั้นก็มากินข้าวแกง พอเขาเห็นผมก็ถามว่า "คิดได้หรือยัง" ผมตอบว่า "ไปครับ" เขาพูดว่า "เออดีไม่เสียแรงที่ชวน" ผมนัดกับเขาถึงวันที่จะออกเดินทาง เมื่อรู้วันเดินทางแล้ว ผมก็ไปบอกกับแม่และให้เงินแม่เก็บไว้หาหมอรักษาตัวระหว่างที่ผมไปทำงานผมบอกแม่ว่า "ได้เงินเดือนเมื่อไหร่ผมจะรีบส่งมาให้แม่ทุกเดือน" ผมนำเงินติดตัวไปแค่หนึ่งพันบาทเป็นค่ารถ และในที่สุดผมได้ไปขุดทองที่ภูเก็ตเหมือนกับเวลาที่ผู้ใหญ่เขาคุยกันสมัยก่อนว่า ใครไปทำงานขุดพลอยเมืองจันทบุรี หรือไปทำแร่ภาคใต้เท่ากับไปขุดทอง แต่สิ่งที่มีคุณอนันต์ตรงกันข้ามก็จะมีโทษมหันต์เหมือนกัน ไปร่ำรวยกันมาก็มากพากันไปตายมาก็เยอะผมนั่งรถไป ใจก็คิดว่าเราจะไปแล้วรวยหรือไปตายก็ยังไม่รู้ คิดไปคิดมายิ่งสับสน ผมจึงคิดว่าตายเป็นตาย ผมต้องหาเงินรักษาแม่ให้ได้ มือก็กำลูกกลม ๆ ของหลวงพ่อดู่และอธิษฐานว่า "เรือลำไหนที่ดีเจ้าของเป็นคนดีมีเมตตาอยู่แล้วจะมีเงินมาก หรือร่ำรวยขอให้ผมได้ไปอยู่กับผู้นั้นด้วยเถิดสาธุ" และผมก็ไปถึงจุดหมายปลายทาง ที่นั่นเป็นท่าเรือใหญ่ผู้คนมองดูพลุกพล่านคุยกันเสียงดังอย่างไม่มีใครเกรงใจกันบางกลุ่มก็คุยภาษาอีสานบางพวกก็พูดใต้ มีคนส่วนน้อยที่พูดภาษาภาคกลาง ที่นี่มีคนจากหลายจังหวัดหลายพ่อหลายแม่น้อยคนที่จะมองดูแล้วบอกได้ว่าเป็นคนสุภาพแทบจะหาไม่เจอเลยทีเดียว ส่วนมากจะท่าทางนักเลง บางคนก็ตัวดำยังไม่พอแถมยังสักยันต์เต็มตัว มองดูแล้วไม่น่าไว้ใจ หรือที่เขาเรียกกันว่าน่ากลัว ผมเดินตามพี่คนที่พาผมไปทำงาน เขาบอกว่าตัวเราชื่อโก๋ พี่โก๋ เดินนำหน้า ผมเดินตามเดินผ่านวงเหล้าที่นั่งกินกันเป็นกลุ่ม ๆ บางคนหันมาเห็นพี่โก๋ก็ร้องทักว่า "เฮ้ยมากินเหล้าด้วยกันโว้ยไอ้โก๋" พี่โก๋ก็จะตอบว่า "พวกมึงกินกันเถอะ วันนี้กูยังไม่อยากเมา" พอมาถึงที่พักซึ่งเป็นเหมือนห้องแถวประมาณสิบกว่าห้อง ตรงกลางมีลานกว้างประมาณ ๗-๘ เมตร มีโต๊ะหินสองตัวต่อกันคนนั่งได้สักสิบกว่าคนสบายมาก ที่ตรงนั้นมีผู้ชายกลุ่มใหญ่นั่งกินเหล้ากันอยู่พอเห็นผมกับพี่โก๋ ก็ร้องทักว่า "พี่โก๋พาใครมาด้วยละ" พี่โก๋บอกว่า "น้องชายมันชื่อตั้ม" ในกลุ่มนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งท่าทางคงเมามากแล้วพูดว่า "หน้ามันอ่อนอย่างนี้มึงจะพามันเล่นลิเกหรือว่ะไอ้โก๋" "กูจะพามันมาทำงานกับนายเค้า ไม่ได้มาเล่นลิเกแบบมึงว่าหรอก" เสียงชายคนเก่าพูดว่า "ไอ้โก๋มึงยังกวนตีนเหมือนเดิมนะไม่ได้เห็นหน้ากันเสียหลายวัน" พี่โก๋พูด "กูยังเหมือนเดิม" แล้วแกก็พาผมไปพักห้องเดียวกับแก "มึงอยู่กับพี่ที่นี่แหละพี่อยู่คนเดียว ห้องมันใหญ่ไปจะได้มีเพื่อนคุยถ้ามึงไปอยู่คนเดียวไอ้พวกเหี้ยมันเยอะ เดี๋ยวไม่มีคนดูแลจะเกิดเรื่อง" เช้าของวันต่อมา พี่โก๋พาผมไปยังบ้านหลังหนึ่งใหญ่โตมาก มีคนมาเปิดประตูรั้วบ้านให้เราสองคนเข้าไปในบ้าน มีผู้ชายตัวใหญ่ดำสักมังกรพันแขน ใส่กางเกงตัวเดียวไม่ใส่เสื้อ อยู่ที่โต๊ะทำงาน พอเห็นพี่โก๋ก็พูดว่า "เป็นยังไงกลับบ้านซะหลายวันพี่นึกว่าอาทิตย์หน้ามึงถึงจะกลับมาเรือมันขาดคนทำงานไม่ได้ดีเลยวะ" ตัวดำใหญ่ผมคิดว่าแกคงน่ากลัวแต่ที่ไหนได้แกพูดจายิ้มแย้มอารมณ์ดีท่าทางใจดีอีกต่างหาก ชายเจ้าของบ้านถามพี่โก๋ว่า "แล้วพาใครมาด้วยละ" แกตอบ "น้องครับพี่ ผมจะเอามันมาฝากให้ทำงานกับพี่ครับ" "รูปมันหล่อหน้ามันอ่อนจะทำงานไหวหรือวะโก๋" "พี่ก็ให้งานเบา ๆ ให้มันทำก็ได้" เป็นอันว่าผมได้งานทำ ในห้องนั้นที่โต๊ะรับแขกมีผู้หญิงแต่งชุดนักศึกษานั่งเขียนหนังสืออยู่สามคน มุมโต๊ะมีจานขนมและผลไม้วางอยู่ พวกเธอมองผมและก็ยิ้มให้ ผมยิ้มตอบ พี่โก๋ลาชายเจ้าของบ้าน ผมก็ยกมือไหว้เขาและพากันกลับยังที่พัก ตอนหลังผมมารู้ว่าผู้หญิงสามคนนั้นคนหนึ่งเป็นหลานสาวของเจ้านาย อีกสองคนเป็นเพื่อนของเธอ เรื่องมันยาวครับผมขอ เล่าเรื่องที่สำคัญดีกว่า เดือนต่อมาผมได้เงินเดือน พอได้ก็รีบส่งไปให้แม่ เงินประมาณหนึ่งหมื่นบาทต่อเดือน ผมให้แม่เกือบหมด เหลือไว้บางเดือนก็ห้าหกร้อยบาทเท่านั้นก็พอใช้เพราะผมไม่กิน เหล้า ไม่สูบบุหรี่ คนอื่นเขาได้เงินมาก็ไปกินเที่ยวกันแต่ผมไม่ไปเพราะไม่ชอบ ที่นั้นมีทุกอย่างทั้ง เหล้า การพนัน ผู้หญิง เพราะเรือแร่ขึ้นทีคนงานจะมีเงินกันเป็นจำนวนมาก บางคนก็ไปสิบห้าวัน จะได้เงินประมาณสามหมื่น บางคนงานเบาเป็นคนถือสายน้ำฉีดแร่ก็จะได้ประมาณหมื่นแปดพัน หรือสองหมื่น คนที่ถือสายดูดแร่ลงไปใต้น้ำเสี่ยงชีวิตมากก็จะได้เงินมากกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัว มีคน มากมายที่ต้องเอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่นั่น ฆ่ากันตายก็เยอะลงไปดูดแร่เกิดเรื่องต่าง ๆ ตายกันไปจนนับ ไม่ถ้วน ที่นั่นไม่มีใครสนใจใครเพราะเป็นที่ไกลปืนเที่ยง ฆ่ากันตายบ่อยมาก พอตายตำรวจมาตรวจดูศพแล้วก็ไปโดยมาเอาผิดกับใครไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะตำรวจไม่ค่อยใส่ใจ เพราะคนมาอยู่รวมกันมาก ๆ เป็นร้อยพ่อพันแม่ ยากแก่การดูแล มีทั้งดีและชั่วปนกันไป ผมมาอยู่ตั้งแต่ตัวยังไม่โตนัก ตอนนั้นผมอายุ ๑๖ ปี ตัวเล็กเอวบางร่างน้อย คนอื่นดูแล้วว่าท่าทางไม่แข็งแรง เราออกเรือจะใช้เวลาไปกลับสิบห้าวันเจ้าของเรือตั้งเป้าของน้ำหนักแร่ไว้ว่าถ้าได้ ๑,๐๐๐ กิโลเมื่อไหร่ก็กลับได้เลย แต่ถ้าสิบห้าวันแล้วยังได้แร่ไม่ถึง ๑,๐๐๐ กิโลต้องกลับเหมือนกันเพระอาหารและน้ำดื่มที่เตรียมไปพอแค่สิบห้าวัน สิบห้าวันถ้าได้แร่ ๗๐๐-๘๐๐ กิโล ลูกเรือก็จะได้เงินน้อยแต่ถ้าได้แร่ถึง ๑,๐๐๐ กิโล คนถือท่อดูดแร่ที่ลงไปใต้น้ำจะได้เงินประมาณ ๓๐,๐๐๐ บาท คนฉีดน้ำบนเรือจะได้เงินประมาณ ๒๐,๐๐๐ บาท ถ้าเป็นผมจะได้ ๑๐,๐๐๐ บาท แต่ต่อมาผมได้เงินมากกว่าคนอื่นเสียอีกด้วยเหตุผลว่าพี่เจ้าของเรือแกชอบผมมาก เขามีเรืออยู่หลายลำ แต่ลำที่ผมอยู่เจ้าของเรือไปคุมด้วยตัวเอง แกเคยบอกผมว่า ครั้งไหนที่ผมไม่สบายและไม่ได้ไปด้วยต้องไปนานจนครบสิบห้าวันทุกครั้งเลย แต่ถ้าผมไปด้วยอย่างมากก็แค่ ๗ วันก็ได้แร่ถึง ๑,๐๐๐ กิโล และบางครั้งก็ห้าวันก็มี บางหนสามวันยังมีเลย "พี่สังเกตเห็นแกเวลาที่เรือจะออกจากฝั่งจะยกสิ่งที่แขวนคอซึ่งเป็นเม็ดกลม ๆ เล็ก ขึ้นมายกมือพนมแล้วว่าคาถาอะไรไม่รู้ แต่คาถาของเองนี่ขลังจริง ๆ ว่ะ พี่นับถือ" ตอนหลังถ้าผมไม่สบาย แกบอกว่าไม่ต้องหยุดงาน ไปนอนในเรือแต่ไม่ต้องทำงานก็ได้ แต่แกแบ่งเงินให้เหมือนเดิมแกว่า "แค่เองไปด้วยพี่ก็ได้กลับเร็วกว่าปกติตั้งเยอะ" ผมมาอยู่กับพี่เขานี่ก็สามปีแล้วผมโตเป็นหนุ่มเต็มตัวตอนนี้ไม่ได้เงินน้อยแล้ว คนที่ลงถือท่ออยู่ใต้น้ำถ้าเขาได้เงิน ๓๐,๐๐๐ บาท ผมก็จะได้เงินถึง ๔๐,๐๐๐ บาท เลยทีเดียว ซึ่งผมไม่ได้มีคาถาอะไรอย่างที่เขาว่าหรอก เพียงแต่เวลาจะออกเรือผมก็จะยกลูกกลม ๆ ที่หลวงพ่อดู่ให้มาแล้วอธิษฐานว่า "ขอให้ผมปลอดภัยได้เงินมา เพื่อเอาไปรักษาแม่ด้วยเทอญ สาธุ" ออกเรือทีไรลำอื่นไม่ได้แร่กัน แต่ลำที่ผมไปกับได้มากและกลับเร็วกว่าลำอื่นเสมอ เจ้าของเรือจึงรักผมมากบอกว่าอยู่กันแล้วเจริญรุ่งเรืองคนแบบนี้หายาก ผมโชคดีทั้งเรื่องงานและความรัก หลานสาวของเจ้าของเรือ เธอก็มารักผมด้วย ไม่เพียงแค่นั้นเพื่อนรักของเธอทั้งสองคนก็รักผมเหมือนกัน จึงทำให้ผมเลือกไม่ถูกว่าคนไหนดี เธอทั้งสามคนเป็นคนสวยและน่ารักมาก ผมเคยบอกกับเธอทีละคนว่าบ้านผมที่จังหวัดสิงห์บุรีหลังเล็กเพราะครอบครัวของผมยากจน เธอบอกว่าจน ๆ แหละชอบ แค่เห็นผมครั้งแรกที่ผมมาสมัครงานกับพี่โก๋ คืนนั้นกลับไปนอนไม่ค่อยหลับเลย ผมนึกในใจอะไรจะขนาดนั้น อยู่มาไม่นานนัก พวกชายหนุ่มที่หลงรักพวกเธอ แต่ผมไม่รู้ว่าคนไหนเพราะมีผู้ชายมาจีบพวกเธอมากมายหลายคน ส่วนมากจะรวย ๆ กันทั้งนั้น และวันนั้นก็มาถึง ผมจะต้องจำไปตลอดชีวิตอย่างไม่มีวันลืมเลยทีเดียว ผมออกเรือไปดูดแร่ตามปกติแต่ครั้งนี้เจ้าของเรือไม่ได้ไปด้วยเพราะเขามีธุระสำคัญต้องไปทำ ออกเรือไปเป็นวันที่สี่ได้แร่ประมาณ ๘๐๐-๙๐๐ กิโลแล้ว จะกลับอีกสองวันนี่แหละ คืนนั้นอากาศดีดาวเต็มท้องฟ้า ผมยืนคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่ท้ายเรือ ได้ยินเสียงคนเดินมาข้างหลังจึงหันไปดูก็เห็นลูกเรือด้วยกันแต่วันนี้เขาไม่ได้มาอย่างมิตร ในมือเขาถือปืนมาด้วย พอเขารู้ว่าผมเห็นเขา ก็ยกปืนในมือมายิงผม มีเสียงดัง ปั้ง ปั้ง ปั้ง เป็นระยะ ๆ คมกระสุนปืนพุ่งเข้าหาผมทุกนัดอย่างแม่นยำ ตัวผมกระเด็นตกจากเรือ ตอนนั้นผมตกใจยังทำอะไรไม่ถูก หล่นไปในน้ำมันก็มืด ผมมองไม่เห็นตัวเองได้แต่เอามือลูบ ๆ ดูว่าแผลถูกยิงตรงไหนบ้าง แต่น่าแปลกตัวผมไม่มีบาดแผลสักแห่งเดียวแต่ผมต้องลอยคออยู่ในทะเลจนถึงเช้าและมีคนที่อยู่เรือลำอื่นมาช่วยและพาขึ้นฝั่ง ตอนหลังผมมารู้ว่าผู้ชายที่หลงรักผู้หญิงที่มารักผมจ้างลูกเรือที่อยู่เรือลำเดียวกับผมเป็นเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท เพื่อฆ่าผมทิ้งกลางทะเล ตอนที่ผมถูกยิงผมจำได้ว่าผมเห็นพระพุทธรูปเหมือนกับองค์ที่อยู่ที่วัดหน้าพระเมรุในพระอุโบสถจำได้ดีว่าเป็นพระมหาจักรพรรดิ์ มาลอยอยู่ข้างหน้าของผม กระสุนปืนทั้งหมดทะลุผ่านองค์พระมหาจักรพรรดิ์แล้วถึงมาโดนตัวผม ด้วยอำนาจของพระพุทธคุณนี้เอง จึงทำให้ลูกกระสุนปืนทุกนัดไม่ระคายผิวของผม ทำให้ผมนึกไปถึงตอนที่หลวงพ่อดู่ท่านมอบลูกกลม ๆ ให้ผมและท่านบอกว่า มีพระอยู่ในนั้น หลายปีที่ผ่านมาผมมองดูทีไร ไม่เคยเห็นพระที่ท่านบอกสักองค์ มาเห็นพระตอนที่ผมถูกยิงนี่เอง ดีที่ผมจำคำสอนของหลวงพ่อดู่ได้ตลอดไม่เคยลืมคำว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ และภาวนาอยู่ทุกวัน ถ้าไม่มีพุทธัง ธัมมัง สังฆัง ผมคงตายไปแล้ว ผมรอดตายโดยไม่มีบาดแผลไม่สามารถเอามือปืนและคนว่าจ้างมาลงโทษได้ตามกฏหมายทั้งตำรวจก็ไม่สนใจในเรื่องคดีเพราะคนที่ว่าจ้างเป็นลูกของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ผมไม่ตายยิ่งเพิ่มความโกรธแค้นให้กับคนที่ว่าจ้างคนมาฆ่าผมหลายเดือนผ่านไป เมื่อเขารู้ว่ากระสุนปืน ไม่อาจฆ่าผมได้จึงเปลี่ยนวิธีใหม่เขาไปจ้างหมออิสลามหรือที่เรียกกันว่าหมอแขกเพราะพวกนี้มีวิชาอาคมเข้มขลังมาก สามารถทำคุณไสยให้คนตายมามากต่อมาก ที่นั่นคนอยู่เรือเขาไม่นิยมใส่รองเท้ากัน เพราะเวลาเดินบนเรือมันจะลื่นง่ายเลยเป็นเรื่องไม่ยากนักที่เขาจะให้คนแอบมาเอารอยเท้าของผมไปทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์มนต์ดำ ช่วงนั้นผมคงกำลังดวงตก อยู่ ๆ เชือกแขวนพระขาด เลยยังหาเชือกใหม่ไม่ได้ ผมเก็บลูกกลม ๆ ของหลวงพ่อดู่ไว้หัวนอนรุ่งเช้าก็ลืมนำติดตัวไปด้วย เที่ยวนั้นเรือดูดแร่ออกไปได้เพียงวันเดียวผมก็ปวดท้องอย่างแรง จนพี่เจ้าของเรือจะเอาเรือเข้าฝั่ง ผมบอกว่า "อย่าเลยพี่เดี๋ยวนอนพักก็หาย" แต่ไม่เป็นอย่างนั้น ผมเริ่มปวดจากท้องแต่เดี๋ยวก็ปวดหัวจนลูกตาแทบจะหลุดออกมาจากเบ้าตา หนักเข้าไม่หัวอย่างเดียว ในที่สุดก็ปวดไปทั้งตัว แม้แต่กระดูกยังปวด คิดในใจว่าจะรอดหรือเปล่า กลางคืนนอนก็ฝันเห็นแต่ผีปีศาจจะมาเอาชีวิตบางครั้งเหมือนกับครึ่งหลับครึ่งตื่นผีแขกใส่หมวกแบบอิสลามมาบังคับให้ผมเอาเชือกมาผูกคอ ผมไม่ยอมทำตามมันก็บอกว่าให้ไปโดดทะเล ผมนอนดิ้นไปดิ้นมาปวดทรมานไปทั้งตัว ผีเข้ามาบังคับจะเอาชีวิตอีก ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ตอนหลังมันมากันเป็นสิบ ๆ ตัว มันพูดว่ามึงต้องตาย บางตัวก็จับแขนกดเอาไว้อีกตัวก็กดขา ไอ้ตัวดำสูงใหญ่เข้ามาบีบคอ จนผมเริ่มหายใจไม่ออก ตอนนั้นผมร้องไห้คิดถึงแม่คิดว่าคงไม่ได้กลับไปเห็นหน้าแม่อีกแล้ว ครั้งนี้ต้องตายแน่นอน มีเสียงหนึ่งซึ่งผมจำได้ว่าเป็นเสียงของหลวงพ่อดู่ ท่านพูดว่า พุทธัง ธัมมัง สังฆัง พอผมได้ยินหลวงพ่อท่านบอก ผมก็ตั้งจิตภาวนาว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ก็มีรัศมีเป็นแสงสว่างหลายสีพุ่งออกมาจากตัวผมรอบตัวทำให้แสงรัศมีนั้นโดนปีศาจทุกตัวมันร้องอย่างเจ็บปวดแสงสว่างนั้นกลายเป็นไฟเผาพวกปีศาจทั้งหมดละลายไปกับอากาศ ผมเห็นดังนั้นก็ลุกขึ้นกราบหลวงพ่อดู่ ใจก็บอกตัวเองว่ารอดตายแล้ว คืนนั้นผมไม่ยอมนอน ผมนั่งสมาธิทั้งคืนจนเช้า ประมาณแปดโมงเช้ามีเรือผ่านมาจะเข้าฝั่ง เจ้าของเรือที่ผมอยู่ รีบเรียกเรือลำนั้น ผมนอนอยู่ใต้ท้องเรือได้ยินเสียงเขาชัดเจน เขาบอกคนคุมเรือลำนั้นว่า "น้องกูไม่สบายฝากเข้าฝั่งด้วย" แกรักและเป็นห่วงผมแบบน้องชาย พอเรือเข้าถึงฝั่งผมรีบตรงไปยังห้องพักแทนที่จะไปหาหมอ ถึงห้องก็ไปที่หัวนอนหยิบลูกกลม ๆ ยกมือพนมพระ ถึงหลวงพ่อดู่ ตั้งนะโมสามจบ แล้วภาวนาไตรสรณคมณ์ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ เท่านั้นผมอ๊วกออกมาเป็นน้ำสีเหลือง ๆ เหม็นไปทั่วบริเวณนั้น สิ่งที่ออกมามันเหมือนกับน้ำเหลืองผีอย่างไงอย่างนั้นเลยทีเดียว พออ๊วกเสร็จผมรู้สึกร่างกายเบาสบายสดชื่นเหมือนไม่เคยเจ็บปวดมาเลย ทั้งที่เมื่อคืนผมปวดไปทั้งตัว ครั้งนี้ถ้าไม่ได้อำนาจของไตรสรณคมณ์ ผมจะเป็นอย่างไรอาจจะไม่รอดก็ได้ใครจะรู้ ตอนหลังผมมารู้ชื่อของลูกกลม ๆ ที่หลวงพ่อดู่ให้มาว่าชื่อ ลูกแก้วสารพัดนึก ภูเก็ตที่ผมไปอยู่ตรงนั้นเขาเรียกว่า ท่านุ่น สมัยนั้นยังเป็นดินแดนป่าเถื่อนหรือที่เรียกว่า ไกลปืนเที่ยง แต่ผมก็รอดชีวิตมาได้ถึงสองครั้ง ครั้งแรกโดนยิง แต่กระสุนปืนไม่อาจระคายผิวของผม ครั้งสองโดนคุณไสยมนต์ดำของหมอแขก แต่ก็รอดมาอีก ไปอยู่ที่ไหนก็จะมีคนดีคอยช่วยเหลือ รักใคร่เมตตา โชคลาภทั้งทรัพย์สินเงินทองก็ได้มาจากการทำกิน จะไปทำอะไรอาชีพเดียวกับคนอื่น คนอื่นเขาทำแล้วไม่ค่อยได้ดี แต่พอผมทำก็จะเจริญและร่ำรวยอย่างผิดหูผิดตา ทั้งผู้หญิงดี ๆ ก็มารักผมหลายคน ผมเป็นคนที่ไม่ชอบแต่งตัว ทองสลึงเดียวก็ไม่เคยมีติดตัว ใส่เสื้อผ้าถูก ๆ แต่ผู้หญิงกลับมาชอบอย่างมากมาย หลายคนเงินทองทั้งหมดที่ได้มา ผมส่งไปให้แม่หมด เหลือไว้ใช้เพียง ๕๐๐-๖๐๐ บาทต่อเดือนเท่านั้น ชีวิตของผมดีขึ้นเรื่อย ๆ หลายปีผ่านไป เดี๋ยวนี้ผมกลายเป็นเศรษฐีมีเงินทองมากมายทั้งเป็นเจ้าของเรือดูดแร่อีกหลายลำ แต่ผมไม่ เคยลืมตัว ยังแขวนลูกแก้วสารพัดนึกอยู่ในคอตลอดเวลาผมจำได้ตอนที่หลวงพ่อดู่ให้ลูกแก้วสารพัดนึกท่านบอกว่า "เก็บติดตัวไว้ให้ดีในนั้นมีพระอยู่ อีกหน่อยจะทำให้แกรอดตาย แล้วแกจะรวยเป็นเศรษฐี" คำพูดของหลวงพ่อดู่ ท่านศักดิ์สิทธิ์ เป็นจริงทุกคำ ผมอยู่ที่ภูเก็ตนานจึงมีเพื่อนมากเคยมีเพื่อนคนหนึ่งมันชอบสะสมพระดัง ๆ ที่มีราคาแพงมาก ๆ มันถามผมว่า "มึงเป็นเถ้าแก่ใหญ่เงินทองมากมาย ทำไมเอาลูกอมกลม ๆ มาแขวนคอลูกเดียววะ ไม่หาสมเด็จวัดระฆังมาแขวนคอสักองค์" ผมตอบมันว่า "พระสมเด็จน่ะดีต้องคนมีบุญมีวาสนาถึงจะได้มีไว้ครอบครอง สำหรับกูลูกกลม ๆ นี่แหละดีที่สุดแล้ว มึงรู้ไว้เลยนะที่กูมีวันนี้ได้ก็เพราะลูกกลม ๆ นี้แหละ" ลูกอมที่ลงในชมรมนี้เป็นเนื้อผงพุทธคุณผสมปูน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑.๕ ซ.ม.สภาพไม่ได้ผ่านการใช้ เนื้อหาและมวลสารดูง่าย อาราธนาขึ้นคอเลี่ยม ๓ ห่วงแขวนพระดูสวยงาม น่าบูชามากครับ


2019-08-27 09:21:51
1717 ครั้ง
ศึกษาและสะสม4289
0858126659
0858126659