เหรียญหลวงพ่อกลั่น ปี พ.ศ. 2477 "พิมพ์นะรี

รูปพระเครื่อง
รูปพระเครื่อง

รายละเอียด

เหรียญหลวงพ่อกลั่น ปี พ.ศ. 2477 "พิมพ์นะรี
 มาใหม่
..:: อธิบายเพิ่มเติม ::..

เหรียญกลมหลวงพ่อกลั่น ปี พ.ศ. 2477 "พิมพ์นะรี " วัดพระญาติ อยุธยา เหรียญรุ่นนี่มีทั้งหมด ๔ พิมพ์ด้วยกัน คือ พิมพ์ติดตาชั่ง, พิมพ์นักกล้าม, พิมพ์นะกลม, และพิมพ์นะรี เซียนพระรุ่นอาวุโส และคนเฒ่าคนแก่ในพระนครศรีอยุธยาต่างก็หวงแหนและนิยมกันมาก เหรียญแท้ๆจึงหายากและมีราคาสูง เพราะเชื่อกันว่าเหรียญกลมนี้สร้างทันหลวงพ่อกลั่น โดยสร้างใกล้เคียงกับเหรียญเสมารุ่นแรก(พิมพ์ขอเบ็ด)ปี พ.ศ. ๒๔๖๙ และหลวงพ่อกลั่นได้ปลุกเสกก่อนที่ท่านจะมรณะภาพ แต่ด้วยความที่เหรียญปั๊มนี้มีหลายบล็อคจึงคงมีเหลือตกค้างอยู่ที่วัด ซึ่งถูกนำออกมาแจกหลังจากที่หลวงพ่อได้มรณะภาพไปแล้วจึงเข้าใจกันว่าเหรียญกลมนี้สร้างทีหลัง
ด้านหน้าเหรียญเป็นรูปเหมือนหลวงพ่อกลั่นนั่งขัดสมาธิราบเต็มองค์ มีอักขระยันต์โดยรอบ ด้านหลังเหรียญเป็นยันต์
รอบขอบเหรียญจะเป็นตัวขอมอ่านว่า นะ มะ นะ อะ นอ กอ นะ กะ กอ ออ นอ อะ นะ อะ กะ อัง คาถาพระเจ้าสิบหกพระองค์ ด้านหลัง จะเป็นตัวเฑาะว์เหมือนรุ่นแรก แต่การเขียนแตกต่างกัน และมีตัวขอมเป็นตัวคาถาทางมหาอุด
พ่อค้าแม่ค้าสมัยก่อน มักจะได้รับแจกเหรียญกลมพิมพ์หนึ่งมา และนิยมนำมาติดที่ตาชั่งเพื่อเสริมสิริมงคล ช่วยให้ค้าขายดี จึงเรียกพิมพ์นั้นว่า พิมพ์ติดตาชั่ง เชื่อกันว่าช่วยให้ค้าขายดีมีกำไร กล่าวกันว่า ถ้าเป็นเหรียญตาย หรือเหรียญที่สร้างหลังจากหลวงพ่อท่านมรณะภาพแล้ว คนสมัยก่อนจะเก็บไว้บูชาด้วยความเคารพ แต่จะไม่นำมาติดไว้กับเครื่องมือทำมาหากินอย่างเด็ดขาด และจากทรรศนะของผู้ชำนาญการด้านพระเหรียญระดับประเทศอีกหลายท่าน ให้ความเห็นที่สอดคล้องตรงกันว่า งานปั๊มข้างกระบอกของเหรียญกลมหลวงพ่อกลั่นนี้ ลักษณะการสร้างและการตัดขอบเหรียญ เป็นงานที่น่าจะมาจากโรงงานเดียวกับเหรียญอุปัชฌาย์กรัก วัดอัมพวัน ลพบุรี ซึ่งสร้างในปี พ.ศ.๒๔๖๙ ซึ่งน่าจะเป็นปีที่สร้างไล่เลี่ยกันขณะที่หลวงพ่อกลั่นยังมีชีวิตอยู่ จึงเชื่อว่าเหรียญกลมนี้ทันและผ่านการปลุกเสกจากหลวงพ่อกลั่น
พระพุทธคุณ ยอดเยี่ยม เด่นมากในเรื่องคงกระพันชาตรี บรรเทาทุกข์กลับร้ายให้กลายเป็นดี เป็นเกราะคุ้มภัยให้รอดพ้นอันตรายจากภัยพิบัติทั้งปวง ให้คุณด้านอำนาจราชศักดิ์และช่วยเสริมสิริมงคลให้กิจการงานเจริญรุ่งเรือง
หลวงพ่อกลั่นท่านยังมีวิชาลูกเบา หรือวิชาชาตรี ซึ่งเป็นวิชาอยู่ยงคงกระพันวิชาหนึ่งของท่าน อำนาจจิตของหลวงพ่อกลั่นนั้นมากมาย เรื่องนี้หลวงพ่ออั้นอุปัฏฐาก หลวงพ่อกลั่นได้เล่าให้ลูกศิษย์ฟังถึงครั้งที่เรียนวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อกลั่นว่า ขณะที่เรียนกรรมฐานนั้นหลวงพ่อกลั่นได้ให้หลวงพ่ออั้นไปนั่งปฏิบัติในโบสถ์ หลวงพ่อท่านมีพระปฏิปทาที่ดี
หลวงพ่อกลั่น เป็นหนึ่งในสิบคณาจารย์ผู้มีพลังจิตสูง ในปี พ.ศ. 2452 ที่จังหวัดนครปฐม ได้มีการชุมนุมพระอาจารย์จากสำนักต่างๆ ทั่วประเทศไทย มีการทดสอบวิทยาคม และพลังจิตจากพระอาจารย์ทั่วประเทศที่ได้รับนิมนต์มาร่วมในพิธีร้อยกว่าองค์ ซึ่งแต่ละจังหวัดได้จัดให้พระอาจารย์เดินทางไปร่วมในพิธี โดยมีการทดสอบพระอาจารย์ต่างๆ ครั้งละสิบองค์ มีสมเด็จพระสังฆราช (เข) วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ที่บริเวณ วัดพระปฐมเจดีย์ ในการทดสอบครั้งนั้นมีกติกาว่าให้เอาท่อนไม้มา 1 ท่อน วางบนม้า 2 ตัว แล้วเอากบไสไม้วางไว้บนท่อนไม้ แล้วประธานฝ่ายสงฆ์จึงบอกกติกาว่า อาจารย์องค์ใดสามารถทำกบไสไม้ให้วิ่งไสไม้ไปกลับได้โดยกบไม่หล่นทำการทดสอบกันถึงสามวันสามคืน พระอาจารย์ส่วนมากสามารถใช้จิตบังคับให้กบวิ่งไปได้ แต่กลับไม่ได้ ที่ทำให้กบไสไม้ไปกลับได้ มีด้วยกัน 10 รูป ในสิบรูปนั้นมีหลวงพ่อกลั่นเป็นหนึ่งในสิบนั้นด้วย
หลวงพ่อกลั่น
หลวงปู่บุญ
หลวงพ่อวัดมะขามเฒ่า
หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง
หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน
หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก
หลวงพ่อทอง วัดเขากบทวาศรี นครสวรรค์
หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย
หลวงปู่ยิ้ม หนองบัว
หลวงพ่อจอน วัดดอนรวบ ชุมพร
ความขลังของหลวงพ่อกลั่น เป็นที่กล่าวขานกันมาช้านานทั้งในคนอำเภออุทัย อำเภอนครหลวง หลวงพ่อกลั่น หลวงพ่อนวม วัดกลาง หลวงพ่อกรอง วัดเทพจันทร์ลอย ทั้งสามท่านนี้นับถือกัน มักจะลองวิชากันเสมอๆ หลวงพ่อนวมนิมนต์ให้หลวงพ่อกลั่นไปร่วมงาน หรือเมื่อท่านไปเยี่ยม มักจะลองวิชากัน ถ้าแก้เคล็ดได้ ก็สามารถเข้าวัดได้ ทั้งสามท่านนี้นับถือกันมาก แต่ต้องยอมให้หลวงพ่อกลั่นก็พลังจิตของท่านวิชานะจังงังของท่านเหนือกว่ามาก ทั้งย่นหนทางก็เก่งกว่า
หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ท่านเป็นพระสงฆ์ผู้ครองตนด้วยความสมถะ ชอบสันโดษ มีเมตตาต่อเหล่าสรรพสัตว์ และญาติโยมพุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่า จึงเป็นที่เคารพศรัทธาของสาธุชนทั่วไป ท่านได้ถึงแก่มรณภาพ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2477 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รวมสิริอายุ 87 ปี 60 พรรษา
“หลวงกลั่น ธมฺมโชติ” ท่านเกิดเมื่อ ปี พ.ศ.2390 ตรงกับปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาเจษฎาบดินทร์ ฯ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านเกิด ณ ต.อรัญญิก อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา
เมื่อมีอายุได้ 27 ปี ท่านได้อุปสมบท ณ วัดโลกยสุธาศาลาปูน โดยมีพระธรรมราชานุวัตร (อาจ) เจ้าคณะใหญ่อยุธยา เป็นพระอุปัชฌายะ พระครูกุศลธรรมธาดา วัดขุนยวน (วัดพรหมนิวาส) พระอธิการชื่น วัดพระญาติฯ เป็นคู่สวด ได้ฉายาว่า “ธมฺมโชติ” แปลว่า "เป็นผู้สร้างในทางธรรม หรือเจริญรุ่งเรืองในธรรม" หลังจากนั้นท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดประดู่ทรงธรรม ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัย และ เรียนรู้วิชาอาคม ตลอดจนสมุนไพร การแพทย์แผนโบราณจนแตกฉาน เมื่อฝึกฝนวิชาต่าง ๆ
จนเชี่ยวชาญแล้ว จึงได้ออกธุดงค์ไปทั่วป่าเขาลำเนาไพรเผชิญสัตว์ร้ายนานาท่านออกธุดงค์ จนมาถึงวัดพระญาติการามในเวลาค่ำ ท่านพิจารณาว่า วัดนี้เงียบสงบดี เหมาะแก่การบำเพ็ญสมณธรรม สามารถเจริญสมาธิและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานได้สะดวกจึงได้จำวัดอยู่ที่วัดแห่งนี้ และต่อมาได้เป็นเจ้าอาวาส แห่งวัดพระญาติ
"วัดพระญาติการาม" เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ราว ปี พ.ศ.2100
ครั้งหนึ่ง"หลวงพ่ออั้น คนฺธาโร"พระอุปัฏฐากหลวงพ่อกลั่น ได้เล่าให้ลูกศิษย์ฟังถึงเรื่อง อำนาจจิตของหลวงพ่อกลั่นนั้นมากมายว่าครั้งที่เรียนวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อกลั่นว่า ขณะที่เรียนกรรมฐานนั้นหลวงพ่อกลั่นได้ให้หลวงพ่ออั้นไปนั่งปฏิบัติในโบสถ์ ขณะนั่งอยู่ หลวงพ่ออั้นมองเห็นหลวงพ่อกลั่นจากในนิมิตว่า เห็นท่านเดินจากกุฏิมานั่งอยู่ตรงหน้า คอยสั่งสอนว่าผิดตรงไหนควรทำอะไร อย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องแปลกเพราะหลวงพ่ออั้นท่านก็รู้ว่า หลวงพ่อกลั่นท่านอยู่บนกุฏิ กำลังคุยเรื่องธุระกับญาติโยมที่มาหาท่าน แต่ท่านก็ยังแบ่งร่างมาสอนหลวงพ่ออั้นในโบสถ์ได้
หลวงพ่อกลั่นมรณภาพเมื่อ ปี พ.ศ.2477

2023-05-28 18:32:45
500 ครั้ง
Direk-SiamPra
0959590980
0959590980