พระซุ้มชินราชปรกโพธิ์ กรุท่าเรือ พิมพ์ใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช

รูปพระเครื่อง
รูปพระเครื่อง
รูปพระเครื่อง
รูปพระเครื่อง

รายละเอียด

พระซุ้มชินราชปรกโพธิ์ กรุท่าเรือ พิมพ์ใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช
 ราคา (16,000 บาท)
..:: อธิบายเพิ่มเติม ::..

พระซุ้มชินราชปรกโพธิ์ กรุท่าเรือ พิมพ์ใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช

พระปรกโพธิ์ กรุท่าเรือ พิมพ์ใหญ่ เป็นพระไตรภาคี ที่ยอดนิยมอันดับหนึ่งของเมืองนครศรีฯ ซึ่งมีด้วยกัน 3 พิมพ์ คือ พระพิมพ์ปรกโพธิ์ใหญ่นิยม กรุวัดท่าเรือ (วัดท่าโพธิ์), พระพิมพ์นาคปรกใหญ่ กรุวัดนางตรา และพระพิมพ์ใบพุทราหรือพิมพ์ยอดขุนพล กรุวัดนาสนธิ์ หรือที่เรียกกันในวงการนักเลงพระยุค นั้นว่า "ท่าเรือ นางตรา นาสนธิ์" ปัจจุบันนี้ ก็ยังคงเป็นที่นิยมสูงและเสาะแสวงหากันอยู่ แต่ค่อนข้างหาดูได้ยากกว่าแต่ก่อนมาก ลองมาดูกันว่าแต่ละวัดเป็นอย่างไร

เริ่มที่ พระกรุวัดท่าเรือ

วัดท่าเรือ หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "วัดท่าโพธิ์" นั้น จากหลักฐานในหนังสือใบลานผูก ซึ่งสันนิษฐานว่าเขียนโดยบัณฑิตในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรี อยุธยา ระบุว่า "วัดนี้สร้างในสมัยพระเจ้าจันทรภาณุศรีธรรมาโศกราช โดยทรงสถาปนาวัดท่าเรือร่วมกับพระภิกษุชาวลังกา เพื่อประดิษฐานวิหารพระเจดีย์ รวมทั้งสร้าง "พระพิมพ์" ขนาดต่างๆ ขึ้น เพื่อฉลองสมโภชพระมหาเจดีย์ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ.1773 นอกจากนี้ ยังใช้เป็นเครื่องคุ้มครองป้องกันอันตรายแก่ผู้ที่อาราธนาติดตัว โดยเฉพาะผู้มีหน้าที่ป้องกันชาติบ้านเมือง พระเจ้าจันทรภาณุศรีธรรมาโศกราชทรงมีสายพระเนตรอันยาวไกลที่จะให้ชนรุ่นหลัง ผู้ทำหน้าที่รักษาบ้านเมือง ได้นำติดตัวออกไปป้องกันภัยเมื่อยามจำเป็น จึงทรงผูกลายแทงไว้คู่กับวัดท่าเรือ ..."

ต่อมา ทวดศักดิ์สิทธิ์ วัดศาลามีชัย ได้แก้ลายแทงขุมทรัพย์วัดท่าเรือให้เจ้าพระยานคร (น้อย) และให้ทหารขุดเอา "พระกรุท่าเรือ" ไปป้องกันตัวในสงครามปราบกบฏเมืองไทรบุรี-กลันตัน เป็นครั้งแรก ในปลายสมัยรัชกาลที่ 2 พระกรุวัดท่าเรือได้แสดงปาฏิหาริย์สามารถประกาศชัยชนะสยบศัตรูได้อย่างราบ คาบ เจ้าพระยานคร (น้อย) ได้รับความดีความชอบเลื่อนยศขึ้นเป็นเจ้าพระยาศรีธรรมาโศกราช (น้อย) องค์สุดท้ายของประวัติศาสตร์เมืองนครศรีธรรมราช หลังจากนั้นก็ได้อาราธนาพระกรุท่าเรือติดตัวในการทำสงครามอีกหลายต่อหลาย ครั้ง อาทิ สงครามมหาเอเชียบูรพา ปีพ.ศ.2484 เหล่าศัตรูเกรงขามในความคงกระพันชาตรีของทหารเมืองนครศรีฯ เป็นอย่างมาก เมื่อเสร็จสิ้นสงครามแต่ละครั้งเหล่าทหารก็จะนำพระกลับไปคืนเก็บไว้ที่วัด ดังเดิม ตามความเชื่อในสมัยก่อนว่าพระต้องอยู่วัดเท่านั้น โดยใส่ไหใส่ตุ่มฝังไว้บ้าง โยนไว้แถวเจดีย์ ใต้ต้นไม้ หรือบริเวณลานวัดบ้าง

กาลต่อมา วัดท่าเรือได้แปรสภาพเป็นวัดที่รกร้างมาเป็นเวลายาวนาน ศาสนสถานและศาสนวัตถุต่างๆ ปรักหักพังเสื่อมโทรม องค์พระถูกทับถมอยู่ตามบริเวณต่างๆ ภายในวัด จนเมื่อกรมศิลปากรปรับที่ดินเพื่อสร้าง "วิทยาลัยนาฏศิลป์" ประมาณปี พ.ศ.2519 ได้ขุดพบซากพระอุโบสถและอื่นๆ ตามที่ระบุในใบลานทุกอย่าง รวมทั้ง "พระกรุวัดท่าเรือ" เมื่อพุทธคุณเป็นที่ปรากฏ ก็ยิ่งเป็นที่ศรัทธาและแสวงหากันเพิ่มยิ่งขึ้น สนนราคาก็ขึ้นสูงตาม

พระกรุวัดท่าเรือที่พบส่วนใหญ่เป็นพระเนื้อดิน มีทั้งเนื้อหยาบและละเอียด มีแร่กรวดทรายผสมอยู่ค่อนข้างมาก ที่เป็นพระเนื้อชินมีเป็นส่วนน้อยมาก พุทธศิลปะเป็นแบบอยุธยาตอนต้น มีด้วยกันหลายพิมพ์ อาทิ พิมพ์ปรกโพธิ์ พิมพ์ใหญ่, พิมพ์ปรกโพธิ์ พิมพ์เล็ก, พิมพ์วงเขน, พิมพ์ตรีกาย และพระปิดตา เป็นต้น แต่ที่นับว่าเป็น "พิมพ์นิยม" ได้รับ การยอมรับและจัดให้เป็นพระอันดับหนึ่งในพระชุดไตรภาคี คือ "พิมพ์ปรกโพธิ์ พิมพ์ใหญ่" หรือ "พระซุ้มชินราช พิมพ์ใหญ่" องค์พระตัดกรอบแบบสี่เหลี่ยม พุทธลักษณะงามสง่า พระประธานประทับนั่ง แสดงปางสมาธิ บนฐานบัวสองชั้น อยู่ภายในซุ้มเรือนแก้วแบบซุ้มชินราช มีปรกโพธิ์ปกคลุมเหนือซุ้ม

รับประกันพระแท้ สนใจข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 083-2699000 ID Line : Ting_sathu Email : Ting_ptk@yahoo.com หรือ Tingsathu@gmail.com

ภาณุภัณฑ์ พระเครื่อง เชิญที่นี่ >>> https://www.siam-pra.com/shop/Ting_sathu

2024-12-11 08:18:52
25 ครั้ง
ภาณุภัณฑ์ พระเครื่อง
0832699000
Ting_sathu