พระคำข้าว รุ่นสอง พิมพ์พระบาทขีด หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง อุทัยธานี ( สวย )

รูปพระเครื่อง
รูปพระเครื่อง

รายละเอียด

พระคำข้าว รุ่นสอง พิมพ์พระบาทขีด หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง อุทัยธานี ( สวย )
 โทรถาม : 0982798624
..:: อธิบายเพิ่มเติม ::..

สมเด็จพระคำข้าวมหาลาภ
พระคำข้าว (พระมหาลาภ) เป็นพระเนื้อผงสีขาวปางมารวิชัย สร้างแบบพระพุทธชินราช มี ๒ รุ่น
รุ่นที่ ๑ ปลุกเสกเมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๓๓ จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ องค์
รุ่นที่ ๒ สร้าง ๕,๐๐๐,๐๐๐ องค์ ปลุกเสก ๒ ครั้ง คือ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๓๓ และ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๓๔
ด้านหลังเป็นรูปหลวงพ่อ นั่งในกรอบรูปพัดยศ มีชื่อ พระราชพรหมยาน อยู่ตรงที่นั่ง
วิธีอาราธนา พระคำข้าว และ พระหางหมาก
คำอาราธนา ให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหมด รวมทั้ง เทวดาและพรหม ครูบาอาจารย์ทั้งหมด มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.อยุธยา เป็นที่สุด
แล้วตั้งนะโม ๓ จบ ปฎิบัติตามปกติว่า อิติปิโส ๑ จบ หลังจากนั้นให้อธิษฐานเอาตามความประสงค์ เมื่ออธิษฐานแล้ว ปลุกด้วยคาถาปลุกพระของหลวงพ่อปานว่า
“ อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะ เดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่ง แก่มะอะอุนี้เถิด”
เกร็ดความรู้บางอย่างที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำวัดท่าซุงพูดถึงเกี่ยวกับพระคำข้าว
(คัดลอกจากหนังสือ ธรรมปฏิบัติ เล่ม ๙ โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(ฤาษีลิงดำ)
อันดับแรกที่เราจะทำอะไรทั้งหมด ตื่นขึ้นมาใหม่ ๆ นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน นึกถึงด้วยความเคารพ เพื่อหวังพระนิพพานก็ตาม นึกถึงเพื่อขอลาภสักการะก็ตาม ก็ถือว่าเป็นการนึกถึงพระพุทธเจ้าเหมือนกัน อันดับแรกนะ อย่างมี พระคำข้าว- พระคำข้าวน่ะ หนักไปในทางลาภสักการะ อย่างอื่นก็มีหมด แต่ลาภน่ะหนักมาก และก็หยิบขึ้นมาพนมมือ สาธุ ว่า นะโม ตัสสะ ใช่ไหม ว่านะโมตัสสะ ด้วยความเคารพ และอธิฐานว่า วันนี้ต้องการ...(ลาภอย่างไร)
เป็นอันว่า เราอยากจะให้ค้าขายดี ทำราชการดี เมตตาปราณี อะไรก็ตามเถอะ ก็อย่าลืมว่าเวลานั้นเรานึกถึงพระพุทธเจ้า เราขอบารมีจากท่าน อย่างนี้ถือว่าเป็น ฌาน ในพุทธานุสติกรรมฐาน ถ้านึกถึงทุกวันน่ะ ถ้าถึงเวลาแล้วต้องทำอย่างนั้นทุกวัน ถ้าไม่ทำแล้วไม่สบายใจ นั่นเป็นฌานในพุทธานุสติ เป็นของง่าย ๆ เพราะวันนี้ท่านบอกให้พูดง่าย ๆ ใช้วิธีง่าย ๆ นะ ก็ว่าตามท่าน
...ทีนี้เมื่อเมื่อบรรดาท่านพุทธบริษัท นึกถึงพระพุทธเจ้าแล้ว อย่าลืมพระที่ คอ นี่คือพระพุทธเจ้า อย่าง พระคำข้าว เป็นพระพุทธชินราช อย่าลืมน่ะ คือก็เหมือนกับพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งนั่นแหละ เป็นองค์แทนพระพุทธเจ้าท่าน และเวลาทำจริง ๆ พระพุทธเจ้าท่านก็มาทำ อันนี้ไม่ได้โฆษณานะ พูดให้ฟัง คือเวลาทำจริง ๆ พระพุทธเจ้าทุกองค์เสด็จมาหมด สมเด็จองค์ปฐมเป็นประธาน อยู่ข้างบนใช่ไหม และ
สมเด็จองค์ปัจจุบันคุมฉัน ท่านปล่อยกระแสจิตพุ่งสว่างเป็นลำพุ่งมาที่ใจฉัน แล้วบอกเธอนั่งนิ่งๆ อย่าคิดถึงเรื่องอะไรทั้งหมด ห้ามดูอะไรทั้งหมด ให้ทรงอารมณ์เฉยๆ ๑๐ นาที ก็ทำตามท่าน แล้วท่านก็สั่งว่า ให้ว่าอิติปิโสฯ หลัง ๑๐ นาทีแล้ว ท่านบอกดูได้พุ่งใจไปที่ของได้ พอพุ่งใจไปที่ของ ที่เห็นเป็นลำ ไม่เห็นของที่ปลุกเลย แสงพระพุทธเจ้ากลบหมด หนามาก พระคำข้าว เด่นทางมหาลาภ มีรูปพระพุทธชินราช (พระพุทธกัสสป) ด้านหน้า และด้านหลังเป็นรูปหลวงพ่อ
หลวงพ่อเคยบอกว่า สมเด็จเด็จองค์ปฐม ได้ให้พระพุทธกัสสป-พระพุทธทีปังกร คุมเรื่องลาภ
(คัดลอกจากหนังสือธัมมวิโมกข์ฉบับที่ ๑๔๕ หน้า ๖๓)
..."องค์ปฐมก็มา และพระพุทธกัสสปก็มา สมเด็จพระพุทธทีปังกรก็มา...องค์ปฐมท่านบอกว่า เรื่องลาภนะ สมเด็จพระพุทธกัสสป หนักที่สุด และรองลงมาคล้ายคลึงกันคือ สมเด็จพระพุทธทีปังกร ก็เลยถามท่านว่า "พระพุทธเจ้ามีบารมีเต็มเหมือนกัน ทำไมแตกต่างกันเรื่องลาภ" ท่านบอกว่า "สุดแล้วแต่การเริ่มต้น คู่อันไหนแรงกว่ากัน"...ท่านบอก "ให้พระพุทธกัสสปคุมเพราะลาภมาก" องค์ปฐมบอกว่า..."ลีลาต่างกันนิดหนึ่ง...
...สมเด็จพระพุทธทีปังกร : มีกำลังแข็งมากสู้แรงมาก
...พระพุทธกัสสป : ท่านนิ่มนวลในทางลาภมหาศาล
...แต่ลาภมหาศาลทั้งคู่ : ท่านก็เลยบอกว่าเป็นหน้าที่ของทั้ง ๒ องค์
หลวงพ่อเคยบอกเกี่ยวกับราคาพระคำข้าวในอนาคต
(ท่านพูดไว้เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ในหนังสือธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๒๓ ประจำเดือนพฤษภาคม หน้า ๑๕)
-หลวงพ่อ: ...."ก็ก่อนจะทำ (ทำพระคำข้าว) พระพุทธเจ้าท่านบอกแล้วให้ทำ บอกให้มันรวยทั้งวัดทั้งบ้าน
คือว่าเอาไปขึ้นราคานิดหน่อยใช่ไหม ๑๐๐, ๒๐๐ ไม่หนักนัก อีก ๓๐ ปีหลายหมื่น
- ผู้ถาม: เฉพาะพระคำข้าวนี่หรือครับ?
- หลวงพ่อ: ใช่ขอยืนยัน
หลวงพ่อปรารภวันปลุกเสกพระคำข้าว
คำขึ้นต้นด้วย....ศัตรูสลาย....ศัตรูทั้งหลายพินาศ....โรคบรรลัย....
ลาภ....เสกข้าว 10 บทกว่า....
เวลาเสกข้าวเห็นพระพุทธเจ้าอย่างชัดเจน ไม่งั้นวางข้าวไม่ได้
แล้วตากแดด....เวลาปลุกเสก มีรัศมีสวยและเป็นคลื่นไม่เคยเห็นเลย
รัศมีขึ้นแบบคลื่นแม่น้ำ แต่ก่อนเป็นรัศมีบาง ๆ
พระอย่างอื่น ทำ 10 ชั่วโมง ก็มากแล้ว นี่พระคำข้าวต้องทำ 3 เดือน ต้องเห็นพระชัด
แล้วว่าคาถา 10 บทกว่า บอกวางได้ จึงต้องวางลง ไปที่อื่นต้องทำทุกวัน
จะคอยเข้าพรรษา ไม่ใช่ว่าไปที่อื่นแล้วไม่เอาไม่ใช่นะ
หลวงพ่อปรารถว่าเป็นพระที่มีลาภมาก ทำแบบเดียวกับสมเด็จพระพุฒาจารย์โต ในวันข้างหน้าราคาหลายหมื่น


*****.........หลวงพ่อฤาษีฯเป็นใคร มีความสำคัญแค่ไหนเพียงไร? พระอริยสงฆ์หลายองค์กล่าวถึงหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง หลวงปู่ดาบส สุมโณ พูดถึงหลวงพ่อฤๅษีฯ ว่า "พระคุณเจ้าองค์นั้นเป็นอรหันต์องค์เอกองค์หนึ่งของโลก ในปลายศาสนา ๕๐๐๐ ปี จะหาใครสอนเสมอเหมือนพระคุณท่านหาไม่ได้แล้ว พระคุณท่านองค์นั้นสอนได้คล้ายพระพุทธเจ้าสอน เพราะท่านปรารถนาพระโพธิญาณ ถ้าท่านไม่ลาพุทธภูมิหักใจเป็นพระอรหันตสาวกเสียก่อน ท่านเทศน์คราวไร เรา..พวกเรานี้ที่บำเพ็ญบารมีตามท่านมา ก็จะฟังเทศน์จากท่านเพียงครั้งเดียวก็จะเป็นพระอรหันต์ตามได้ จำไว้นะ ! กลับไปฟังคำสอนของพระคุณท่าน ฟังเทปของท่าน ดูวีดีโอของท่าน ให้ส่งจิตคิดตามเสียงท่านประหนึ่งว่าเป็นเสียง ในใจเรา ก็อาจจะบรรลุมรรคผลได้ตามที่ตัดสินใจ ตามเสียงนั้นเฉพาะหน้า เหมือนฟังจากพระพุทธเจ้านั่นแหละ องค์นี้หาใครสอนได้เสมือนท่านยากนักหนาแล้ว" ท่านเจ้าคุณหลวงพ่อ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินธโรมหาเถระ) วัดสามพระยา ปรารภกับหลวงพี่ ท่านพระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ เจ้าอาวาส วัดท่าซุงว่า " คำสอนของท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี) ใช้เป็นตำราได้ทั้งหมดนะ " พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ท่านเจ้าคุณพระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร มหาเถระ) บอกว่า "หลวงพ่อมหาวีระ(หลวงพ่อฤาษี) ท่านเป็นโลกวิทู แจ้งทั้งโลก แจ้งทั้งธรรม" หลวงปู่บุดดา ถาวโร ยังปรารภถึงหลวงพ่อว่า " หลวงปู่น่ะเหมือนหิ่งห้อย หลวงพ่อมหาวีระ(หลวงพ่อฤาษี) นั้นเหมือนพระอาทิตย์" ครูบาคำแสนเล็ก ท่านบอกว่า “หลวงปู่ บวชมา 60 กว่าพรรษา เข้านี่แล้วยังไม่เคยพบพระองค์ไหนเหมือนหลวงพ่อ(หลวงพ่อฤาษี) ” หนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม ๒ ในปีพ.ศ. ๒๕๑๕ หลวงปู่ชุ่ม โพธิโก หลวงปู่คำแสน คุณาลังกาโร กำลังสนทนาธรรมกันที่วัดป่าดอนมูล อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ผู้เขียนกำลังรับฟังธรรม จากพระเดชพระคุณท่านฯ ทั้งสองอยู่ หลวงปู่ชุ่มก็หันหน้ามา บอกผู้เขียนว่า “ท่านบุญรัตน์ ให้ไปกราบหลวงพ่อใหญ่ วัดท่าซุงหน่อย ท่านเป็นพระทอง หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ท่านเปี่ยมด้วย เมตตาบารมี ใครได้กราบไหว้ก็เป็นบุญกุศลใหญ่นัก” หลวงปู่คำแสนซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ ก็กล่าวเสริมขึ้นว่า “เออ ดีมาก หลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นผู้ประกอบไปด้วยเมตตาธรรมอันสูงส่ง เหมือนกับครูบาศรีวิชัย หาที่ไหนไม่ได้แล้ว” ผู้เขียนได้รับฟังหลวงปู่ทั้งสององค์บอกกล่าว ดังนั้น ก็ก้มกราบเท้าทั้งสองหลวงปู่ด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ จนน้ำตาไหล หลวงปู่ชุ่มบอกว่า “พระเดชพระคุณหลวงพ่อวีระ วัดท่าซุงนี่ท่านเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมอันสูงมาก บารมีสูง ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของท่าน ท่านจะไม่มาอีกแล้ว จะเข้าสู่พระนิพพาน เพราะฉะนั้นท่าน จึงสั่งสอนให้ลูกหลานและศิษย์ท่านปฏิบัติให้เข้าถึง พระนิพพานกันหมด” หลวงปู่ชุ่มบอกกับผู้เขียนว่า “ขอให้ท่านจงได้ปฏิบัติติดตามคำสอนของพระเดชพระคุณ หลวงพ่อเถอะ จะได้ถึงพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้” ผู้เขียนก็น้อมรับว่า “สาธุ” ตั้งแต่นั้นมาผู้เขียนก็ได้มีโอกาส ได้ไปกราบเท้าพระเดชพระคุณเจ้าประคุณหลวงพ่อฯ อีกหลายครั้ง. พระอริยสงฆ์หลายองค์กล่าวถึงหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง หลวงปู่ดาบส สุมโณ พูดถึงหลวงพ่อฤๅษีฯ ว่า "พระคุณเจ้าองค์นั้นเป็นอรหันต์องค์เอกองค์หนึ่งของโลก ในปลายศาสนา ๕๐๐๐ ปี จะหาใครสอนเสมอเหมือนพระคุณท่านหาไม่ได้แล้ว พระคุณท่านองค์นั้นสอนได้คล้ายพระพุทธเจ้าสอน เพราะท่านปรารถนาพระโพธิญาณ ถ้าท่านไม่ลาพุทธภูมิหักใจเป็นพระอรหันตสาวกเสียก่อน ท่านเทศน์คราวไร เรา..พวกเรานี้ที่บำเพ็ญบารมีตามท่านมา ก็จะฟังเทศน์จากท่านเพียงครั้งเดียวก็จะเป็นพระอรหันต์ตามได้ จำไว้นะ ! กลับไปฟังคำสอนของพระคุณท่าน ฟังเทปของท่าน ดูวีดีโอของท่าน ให้ส่งจิตคิดตามเสียงท่านประหนึ่งว่าเป็นเสียง ในใจเรา ก็อาจจะบรรลุมรรคผลได้ตามที่ตัดสินใจ ตามเสียงนั้นเฉพาะหน้า เหมือนฟังจากพระพุทธเจ้านั่นแหละ องค์นี้หาใครสอนได้เสมือนท่านยากนักหนาแล้ว" ท่านเจ้าคุณหลวงพ่อ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินธโรมหาเถระ) วัดสามพระยา ปรารภกับหลวงพี่ ท่านพระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ เจ้าอาวาส วัดท่าซุงว่า " คำสอนของท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี) ใช้เป็นตำราได้ทั้งหมดนะ " พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ท่านเจ้าคุณพระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร มหาเถระ) บอกว่า "หลวงพ่อมหาวีระ(หลวงพ่อฤาษี) ท่านเป็นโลกวิทู แจ้งทั้งโลก แจ้งทั้งธรรม" หลวงปู่บุดดา ถาวโร ยังปรารภถึงหลวงพ่อว่า " หลวงปู่น่ะเหมือนหิ่งห้อย หลวงพ่อมหาวีระ(หลวงพ่อฤาษี) นั้นเหมือนพระอาทิตย์" ครูบาคำแสนเล็ก ท่านบอกว่า “หลวงปู่ บวชมา 60 กว่าพรรษา เข้านี่แล้วยังไม่เคยพบพระองค์ไหนเหมือนหลวงพ่อ(หลวงพ่อฤาษี) ” หนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม ๒ ในปีพ.ศ. ๒๕๑๕ หลวงปู่ชุ่ม โพธิโก หลวงปู่คำแสน คุณาลังกาโร กำลังสนทนาธรรมกันที่วัดป่าดอนมูล อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ผู้เขียนกำลังรับฟังธรรม จากพระเดชพระคุณท่านฯ ทั้งสองอยู่ หลวงปู่ชุ่มก็หันหน้ามา บอกผู้เขียนว่า “ท่านบุญรัตน์ ให้ไปกราบหลวงพ่อใหญ่ วัดท่าซุงหน่อย ท่านเป็นพระทอง หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ท่านเปี่ยมด้วย เมตตาบารมี ใครได้กราบไหว้ก็เป็นบุญกุศลใหญ่นัก” หลวงปู่คำแสนซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ ก็กล่าวเสริมขึ้นว่า “เออ ดีมาก หลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นผู้ประกอบไปด้วยเมตตาธรรมอันสูงส่ง เหมือนกับครูบาศรีวิชัย หาที่ไหนไม่ได้แล้ว” ผู้เขียนได้รับฟังหลวงปู่ทั้งสององค์บอกกล่าว ดังนั้น ก็ก้มกราบเท้าทั้งสองหลวงปู่ด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ จนน้ำตาไหล หลวงปู่ชุ่มบอกว่า “พระเดชพระคุณหลวงพ่อวีระ วัดท่าซุงนี่ท่านเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมอันสูงมาก บารมีสูง ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของท่าน ท่านจะไม่มาอีกแล้ว จะเข้าสู่พระนิพพาน เพราะฉะนั้นท่าน จึงสั่งสอนให้ลูกหลานและศิษย์ท่านปฏิบัติให้เข้าถึง พระนิพพานกันหมด” หลวงปู่ชุ่มบอกกับผู้เขียนว่า “ขอให้ท่านจงได้ปฏิบัติติดตามคำสอนของพระเดชพระคุณ หลวงพ่อเถอะ จะได้ถึงพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้”


==คาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้า== ตั้งนะโมฯ 3 จบก่อนแล้ว นมัสการ ไตรสรณคมณ์ (พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆังสรณัง คัจฉามิ)
แล้วให้สมาทานศีล 5 (ปาณา ฯลฯ สุราเมระยะฯ )หรือ ศีล 8 แล้วจึงท่อง

สัมปะจิตฉามิ นาสังสิโม พรหมมา จะมหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ พรหมมาจะมหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุเม มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุเม มิเตพาหุหะติ พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม สัมปะติจฉามิ เพ็งๆ พาๆ หาๆ ฤาๆ สวดเช้าเย็น ครั้งละ 9 จบ จะทำให้มีความคล่องตัวในความเป็นอยู่ เงินไม่ขาดมือ หลวงพ่อบอกอีกว่า เป็นเบี้ยต่อไส้ ถ้าภาวนาควบกับอาปาฯ จิตยิ่งสะอาดยิ่งเห็นผล .

2016-10-11 19:35:03
1106 ครั้ง
พระพิรุณ
0982798624